วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

การเรียนรู้

ความหมายของการเรียนรู้
        บารอน (Baron,Robert A.,1998:1770) ให้ความหมายว่าการเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวรอันเป็นผลมาจากประสบการณ์
        คูน (Coon Dennis,1994:261) กล่าวถึงความหมายของการเรียนรู้ คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างถาวร เนื่องมาจากได้รับประสบการณ์
พฤติกรรมการเรียนรู้
         แบ่งได้เป็น 3 ด้าน คือ
1.พฤติกรรมทางสมอง
 2.พฤติกรรมทางกล้ามเนื้อและประสาท
 3.พฤติกรรมทางอารมณ์หรือความรู้สึก

ความหมายของพัฒนาการ

        พัฒนาการ หมายถึง แบบแผนของการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านความเจริญเติบโตและการเสื่อมของมนุษย์ ตั้งแต่มีการปฏิสนธิต่อเนื่องกันไปจนตลอดวงจรชีวิต
          นักจิตวิทยาได้แบ่งพัฒนาการของมนุษย์ออกเป็น 4 ด้าน คือ
         1. พัฒนาการทางด้านร่างกาย หมายถึง ความเจริญเติบโตที่เกี่ยวกับร่างกายทั้งหมด
         2. พัฒนาการทางด้านสติปัญญา หมายถึง ความสามารถในด้านความคิด ความจำ ความมีเหตุผล    ความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
         3. พัฒนาการทางด้านอารมณ์ หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมให้อยู่ในภาวะที่สังคมยอมรับ
         4. พัฒนาการทางด้านสังคม หมายถึง ความสามารถในการที่จะปรับตนให้เข้ากับสังคมที่ตนอยู่ได้เป็นอย่างดี และสามารถปรับตนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตนเองได้


การนำความรู้เรื่องพัฒนาการไปใช้ในการเรียนการสอน
       1.การเรียนการสอนควรเป็นลักษณะบูรณาการวิชาต่างๆ เข้าด้วยกันเพราะพัฒนาการของมนุษย์เป็นไปในลักษณะประสานสัมพันธ์กันทุกส่วน
       2.เด็กมีความแตกต่างกัน การเรียนการสอนที่ดี คือ การเรียนการสอนที่สนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก เช่น เรื่องความสนใจ ความต้องการแรงจูงใจ ความพร้อมและความสามารถของเด็กแต่ละคน
      3.การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ดี ควรคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของเพศหญิง และเพศชาย เพราะมีพัฒนาการแตกต่างกัน
     4.พัฒนาการของมนุษย์ทุกคนเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ดังนั้นการจัดหลักสูตร และการดำเนินการสอนควรจัดเรียงตามลำดับก่อน-หลัง ของความยาก ง่าย และสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน
พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม
ความหมายของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม
         พันธุกรรม (Heredity) หมายถึง การถ่ายทอดลักษณะต่างๆจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน ด้วยวิธีการสืบพันธ์ โดยมียีนส์ซึ่งอยู่บนโครโมโซมเป็นตัวถ่ายทอดลักษณะต่างๆ
          สิ่งแวดล้อม (Environment) หมายถึง สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเราหรือหมายถึงสิ่งเร้าต่างๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับตัวเราทำให้เรามีการกระทำ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็น คน สัตว์ วัตถุสิ่งของ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา ฯลฯ สิ่งแวดล้อมนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งเร้าที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์นอกเหนือไปจากพันธุกรรม
ความสำคัญของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่มีต่อพัฒนาการ
            จากการศึกษาเรื่องพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมเป็นที่ยอมรับแล้วว่า ลักษณะพัฒนาการของแต่ละคนมาจากการทำงาน ร่วมกันระหว่างพันธุกรรมสิ่งแวดล้อม โดยที่พันธุกรรมเป็นตัวกำหนดขอบเขตการพัฒนาการของบุคคล ส่วนสิ่งแวดล้อมช่วยส่งเสริม หรือขัดขวางพัฒนาการใดๆ
ประโยชน์ของความรู้เรื่องพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่มีต่อครู
         1. ช่วยให้ครูทราบลักษณะความแตกต่างและขอบเขตความสามารถ ของเด็กแต่ละคนว่าสาเหตุมาจากอะไร
         2. ช่วยให้ครูเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และพยายามปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็ก
        3.ช่วยให้ผู้ปกครองและครูสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของเด็กได้ทันเวลา และหาทางส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ให้เหมาะสมกับขอบเขตความสามารถ
ทฤษฏีพัฒนาการ
ความหมายและความสำคัญของทฤษฏีพัฒนาการ
          ทฤษฏีพัฒนาการคือ คำอธิบายที่เป็นผลสรุปจากการศึกษาพัฒนาการ และพฤติกรรมมนุษย์ ทุกทฤษฏีจัดตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อบางประการ การศึกษาทฤษฏีต่างๆ ที่เกี่ยวกับพัฒนาการ จะช่วยให้ผู้ศึกษาเข้าใจลักษณะของพัฒนาการแต่ละช่วงวัย ในบทนี้จะขอเสนอทฤษฏีพัฒนาการบางทฤษฏี เพื่อประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ทฤษฏีที่จะกล่าวถึงได้แก่                                                                                                           
           1ทฤษฏีวุฒิภาวะ (Maturation Theories)
          ทฤษฏีนี้ได้อธิบายแบบแผนการเจริญเติบโต และพัฒนาการที่แตกต่างกันไปตามอายุ โดยมีความคิดอยู่บนพื้นฐานที่ว่า พัฒนาการของมนุษย์เป็นผลมาจากพันธุกรรม ทฤษฏีนี้ได้รับอิทธิพลจากทฤษฏีวิวัฒนาการของ ชาร์ล ดาร์วิน (Charies Darwin , 1809-1882)
      2ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ (Freud’s Psychoanalytic Theory)
           ทฤษฏีจิตวิเคราะห์นับได้ว่าเป็นทฤษฏีที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการศึกษาพัฒนาการของมนุษย์ โดยที่ ฟรอยด์ เป็นผู้หนึ่งที่เห็นความสำคัญของประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมในวัยเด็กว่ามีผลต่อลักษณะพัฒนาการ และบุคลิกภาพในวัยเจริญเติบโต เขาเชื่อว่า 5 ปีแรกของชีวิตจะมีความสำคัญกับพัฒนาการทางบุคลิกภาพมากที่สุด และพัฒนาการทางบุคลิกภาพเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เรียกว่า ขั้นพัฒนาการทางเพศ
      3) ทฤษฏีพัฒนาการทางจิตสังคม          
           อีริก อิริกสัน (Erik Erikson) เป็นนักจิตวิทยาในกลุ่มจิตวิเคราะห์ เขาสนใจทฤษฏีของ ฟรอยด์ และเป็นลูกศิษย์ของฟรอยด์  อีริกสันเน้นความสำคัญ ของความสำคัญและความต้องการทางจิตสังคม เขาเน้นว่าสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญต่อพัฒนาการ โดยเฉพาะบุคคลแวดล้อม
     4ทฤษฏีพัฒนาการทางสติปัญญา และความคิด (Cognitive Development Theory)
          ผู้สร้างทฤษฏีนี้คือ นักจิตวิทยาชาวสวิส ชื่อ จีน พีอาเจต์  เขาพบว่าวิธีการคิดและการให้เหตุผลในสิ่งต่างๆของเด็กน่าสนใจมาก จึงได้ศึกษาพัฒนาการทางความคิดขึ้นในบ้าน โดยสังเกตพฤติกรรมบุตรชาย หญิงของตน
    5ทฤษฏีพัฒนาการทางจริยธรรม (Moral Development Theory)
      ทฤษฏีพัฒนาการนี้ คือทฤษฏีของ  ลอเรนซ์ โคลเบิร์ก   เขาได้พัฒนาทฤษฏีของเขาขึ้น ทฤษฏีของ โคลเบิร์ก เป็นทฤษฏีที่มีรากฐานมาจาก ทฤษฏีของ พีอาเจต์  โคลเบิร์กได้แบ่งพัฒนาการออกเป็น 3 ระดับแต่ระดับแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน

จิตวิทยาการเรียนการสอน

       ความหมายของจิตวิทยาในปัจจุบัน  หมายถึง วิทยาศาสตร์  (science)  ที่ศึกษาเรื่องพฤติกรรม (behavior)  และกระบวนการที่เกิดขึ้นในสมอง  (Mental Process) (Halonen Jane S. and Santrock W., 1996 : 5 )                                    
      จากความหมายของจิตวิทยาข้างต้น  จะเห็นว่า  จิตวิทยาเกี่ยวข้องกับคำ 3 คำ คือวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม และกระบวนการที่เกิดขึ้นในสมอง ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติม  ดังนี้
     1.) จิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์  หรือเป็นศาสตร์นั้น  หมายความว่า  เป็นความรู้ทางจิตวิทยาที่เชื่อถือได้ เป็นความรู้ที่ได้จากสังเกต  การวัด  การทดลอง และการตรวจสอบอย่างรัดกุม มีระบบแบบแผนที่แน่นอน จนสามารถสรุปเป็นกฎเกณฑ์และทฤษฎีต่างๆ เพื่อนำไปใช้อธิบาย  ทำนาย และควบคุมปรากฏการณ์ต่างๆ ได้                                                              
     2.)พฤติกรรม  คือการกระทำและการตอบสนองของอินทรีย์  นักจิตวิทยามักจะศึกษาพฤติกรรมภายนอก เพราะเป็นพฤติกรรมที่สามารถสังเกตและวัดได้  พฤติกรรมภายนอกได้แก่  การกระทำต่างๆ ของมนุษย์ซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยตา เช่น การเดิน  การพุด  ฯลฯ  หรืออาจจะใช้เครื่องมืออื่นๆ  เช่น การใช้เครื่องวัด วัดอัตราการหายใจ  คลื่นสมอง  ความดันโลหิต   และอื่นๆ
     3.) กระบวนการที่เกิดขึ้นในสมอง  เป็นพฤติกรรมภายในได้แก่ การกระทำที่ผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นได้เช่น การรับรู้  ความคิด  ความจำ ความรู้สึกและอารมณ์ การศึกษาพฤติกรรมภายในทำได้หลายวิธีเช่น การให้ผู้ที่เราต้องการจะศึกษารายงานตนเองหรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้  โดยการนำเครื่องมือต่างๆมาใช้เช่น เครื่องวัดความวิตกกังวล (EKG)   เครื่องมือวัดคลื่นสมอง (EEG) และเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CAT หรือ Scan) เป็นต้น 
ขอบข่ายของจิตวิทยาการเรียนการสอน
            ได้มีผู้กล่าวถึงขอบข่ายของจิตวิทยาการเรียนการสอนไว้หลายท่าน เช่น
             สุพล บุญทรง (2531:21) ได้กล่าวถึงจุดที่สำคัญของจิตวิทยาการเรียนการสอนในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผู้เรียน  แบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ คือ ตัวผู้เรียนและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง กับการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยที่ผู้สอนต้องรู้ว่าผู้เรียนมีพัฒนาการ และองค์ประกอบในการเรียนรู้อย่างไรโดยศึกษาจากจิตวิทยาพัฒนาการ  จิตวิทยาการเรียนรู้ หรือจิตวิทยาการศึกษา
              กุญชรี ค้าขาย (2536:101) ได้กล่าวถึงขอบข่ายของจิตวิทยาการเรียนการสอนว่า ประกอบด้วยความรู้    4 ด้าน คือ
                  1.ความรู้เรื่องพัฒนาการของมนุษย์
                  2.หลักการเรียนการสอน
                  3.ความแตกต่างระหว่างบุคคล
                  4.การนำหลักการและวิธีการเรียนรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาการเรียนการสอน
               โกวิทย์ ประวาลพฤกษ์ และคณะ (2534:71-75) ได้กล่าวถึงลักษณะทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนว่ามาจาก 3 แหล่ง คือ
                   1.จิตวิทยาพัฒนาการเด็กซึ่งมุ่งศึกษาธรรมชาติของมนุษย์ในด้านต่างๆ
                   2.จิตวิทยาการเรียนรู้ ซึ่งเป็นเรื่องการรับรู้ ความจำ การเข้าใจสิ่งใหม่ๆ และการจัดโครงสร้างทางความรู้ความคิด
                   3.จิตวิทยาการเรียนการสอน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ครูและนักเรียนร่วมกันดำเนินการเพื่อให้บรรลุผล
ความรู้เรื่องพัฒนาการมนุษย์